Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    phuketonetrip
    • Home
    • ความบันเทิง
    • ข่าวสารล่าสุด
    • สุขภาพ
    phuketonetrip
    สุขภาพ

    การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดพิษ: อย่า ทำผิดพลาด!

    Jeffrey PhillipsBy Jeffrey PhillipsSeptember 13, 2025No Comments2 Mins Read

    พิษ (Poisoning) อย่า เป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ สาเหตุอาจมาจากการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายทางการกิน การหายใจ การสัมผัสทางผิวหนัง หรือแม้กระทั่งการฉีดเข้าสู่ร่างกาย หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องตั้งแต่แรก อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นและถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น การมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดพิษ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกครอบครัวและชุมชนควรตระหนัก


    ความหมายของพิษและการเกิดพิษ

    พิษคือสารที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือชีวิต สารพิษอาจมีอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น ยาฆ่าแมลง น้ำยาทำความสะอาด แอลกอฮอล์ ยาเกินขนาด อาหารหรือพืชที่มีสารพิษ และแม้กระทั่งสัตว์มีพิษ เช่น งู แมงป่อง หรือแมงกะพรุน

    กลไกการเกิดพิษมักเกี่ยวข้องกับการที่สารพิษเข้าไปขัดขวางการทำงานของอวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หัวใจ ปอด ตับ และไต ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติในระบบต่าง ๆ


    ช่องทางที่สารพิษเข้าสู่ร่างกาย

    1. การกิน (Ingestion)
      เช่น การดื่มยาฆ่าแมลง รับประทานอาหารที่ปนเปื้อน หรือกินยามากเกินไป
    2. การหายใจ (Inhalation)
      เช่น การสูดดมควันไฟ แก๊สพิษ หรือสารเคมีระเหยง่าย
    3. การสัมผัสทางผิวหนังหรือดวงตา (Absorption)
      เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำกรด ด่าง หรือสารเคมีที่ซึมผ่านผิวหนัง
    4. การฉีดเข้าสู่ร่างกาย (Injection)
      มักเกิดจากสัตว์มีพิษกัดต่อย เช่น งู แมลง หรือแมงกะพรุน

    อาการทั่วไปของผู้ที่ได้รับพิษ

    • คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
    • เวียนศีรษะ สับสน หรือหมดสติ
    • หายใจเร็ว หอบ หรือหายใจลำบาก
    • ชักเกร็ง หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
    • ผิวซีด เหงื่อออกมาก ชีพจรเต้นผิดปกติ
    • อาการเฉพาะที่ เช่น แสบร้อน บวม แดง หรือแผลไหม้จากสารเคมี

    การสังเกตอาการเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้ผู้ช่วยเหลือสามารถประเมินระดับความรุนแรงและตัดสินใจนำส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที


    หลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดพิษ

    1. ตั้งสติและประเมินสถานการณ์

    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสถานที่ปลอดภัยก่อนเข้าไปช่วย เช่น หากมีแก๊สรั่ว ต้องเปิดหน้าต่างหรือออกจากพื้นที่
    • สวมถุงมือหรือหน้ากากถ้ามี เพื่อป้องกันตนเองจากการสัมผัสสารพิษ

    2. แยกผู้ป่วยออกจากแหล่งพิษ

    • พาผู้ป่วยออกจากพื้นที่ที่มีควัน แก๊ส หรือสารพิษ
    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารพิษโดยตรง

    3. ประเมินการหายใจและการไหลเวียนโลหิต

    • หากผู้ป่วยหมดสติ ตรวจสอบการหายใจและชีพจร
    • หากหยุดหายใจ ให้ทำการช่วยหายใจ (CPR) หากผู้ช่วยเหลือได้รับการฝึกฝน

    4. การปฐมพยาบาลตามช่องทางที่ได้รับพิษ

    ก. พิษจากการกิน

    • ให้ผู้ป่วยบ้วนปากและจิบน้ำสะอาดเล็กน้อย
    • ห้ามทำให้อาเจียน โดยเด็ดขาด หากไม่มั่นใจว่าพิษเป็นชนิดใด เพราะบางชนิด เช่น กรดหรือด่าง หากอาเจียนจะทำให้หลอดอาหารและกระเพาะเสียหายรุนแรงขึ้น
    • หากทราบว่าสารที่กินเข้าไปคือยาหรือสารเคมี ควรเก็บภาชนะหรือฉลากไปด้วยเมื่อไปโรงพยาบาล

    ข. พิษจากการหายใจ

    • รีบนำผู้ป่วยออกสู่ที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก
    • คลายเสื้อผ้าให้หลวม
    • หากหายใจลำบาก ควรช่วยหายใจและรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

    ค. พิษจากการสัมผัสผิวหนังหรือดวงตา

    • ล้างบริเวณที่สัมผัสด้วยน้ำสะอาดจำนวนมากอย่างน้อย 15–20 นาที
    • หากเข้าตา ให้ล้างตาด้วยน้ำไหลเบา ๆ โดยเปิดเปลือกตาออก
    • ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนออกทันทีเพื่อป้องกันการดูดซึมสารพิษเพิ่ม

    ง. พิษจากการฉีดเข้าสู่ร่างกาย (สัตว์กัดต่อย)

    • ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด
    • จำกัดการเคลื่อนไหวของอวัยวะที่ถูกกัดหรือถูกต่อย
    • ห้ามกรีดแผลหรือดูดพิษออก
    • รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

    สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อเกิดพิษ

    • ห้ามทำให้อาเจียนโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือศูนย์พิษวิทยา
    • ห้ามดื่มนมหรือน้ำมะนาวโดยคิดว่าจะช่วยล้างพิษ เพราะอาจทำให้พิษดูดซึมเร็วขึ้น
    • ห้ามใช้ยาหรือสมุนไพรตามความเชื่อพื้นบ้านโดยไม่รู้แหล่งที่มา
    • ห้ามรอให้อาการรุนแรงก่อนค่อยไปโรงพยาบาล เพราะอาจสายเกินไป

    การเตรียมความพร้อมของครอบครัวและชุมชน

    1. เก็บสารเคมีและยาทุกชนิดอย่างปลอดภัย
      เก็บให้พ้นมือเด็ก ติดฉลากชัดเจน และไม่ใส่ภาชนะที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม
    2. เรียนรู้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
      ครอบครัวควรผ่านการอบรมหรือหาความรู้จากแหล่งที่เชื่อถือได้
    3. มีเบอร์โทรฉุกเฉินติดไว้ชัดเจน
      เช่น เบอร์โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน
    4. สร้างความตระหนักในชุมชน
      การให้ความรู้เรื่องพิษและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่คนในพื้นที่ จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้มาก

    Checklist การปฐมพยาบาลเมื่อเกิดพิษ

    สิ่งที่ควรทำ

    • ✅ ทำให้สถานที่ปลอดภัยก่อนเข้าช่วย
    • ✅ แยกผู้ป่วยออกจากแหล่งพิษ
    • ✅ ตรวจสอบการหายใจและชีพจร
    • ✅ ล้างสารพิษออกจากผิวหนังหรือตาโดยเร็ว
    • ✅ เก็บภาชนะหรือฉลากสารพิษไปด้วยเมื่อส่งโรงพยาบาล
    • ✅ รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที

    สิ่งที่ไม่ควรทำ

    • ❌ ห้ามทำให้อาเจียนโดยไม่แน่ใจ
    • ❌ ห้ามใช้ยาสมุนไพรหรือวิธีพื้นบ้านที่ไม่มีหลักฐาน
    • ❌ ห้ามปล่อยผู้ป่วยไว้ลำพังหากอาการรุนแรง
    • ❌ ห้ามรอจนพิษออกฤทธิ์เต็มที่แล้วค่อยส่งโรงพยาบาล

    ตัวอย่างสถานการณ์จริงของการเกิดพิษ

    กรณีที่ 1: เด็กเล็กกินน้ำยาล้างห้องน้ำโดยไม่ตั้งใจ

    เด็กชายวัย 3 ขวบพบขวดน้ำยาล้างห้องน้ำที่ไม่ได้เก็บอย่างปลอดภัย และเผลอกินเข้าไปไม่กี่อึก หลังจากนั้นมีอาการน้ำลายไหลมาก อาเจียนเป็นเลือด และร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด พ่อแม่รีบทำให้เด็กอาเจียนออกเพราะคิดว่าจะช่วยลดพิษ แต่กลับทำให้หลอดอาหารเป็นแผลรุนแรงมากขึ้น โชคดีที่นำส่งโรงพยาบาลทันเวลาและได้รับการรักษา

    บทเรียน: การทำให้อาเจียนเมื่อกินสารกัดกร่อนอย่างกรดหรือด่าง เป็นสิ่งที่อันตรายมาก ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด


    กรณีที่ 2: คนงานโรงงานสูดดมแก๊สพิษ

    ชายวัย 40 ปีทำงานในโรงงานเคมี เกิดแก๊สรั่วโดยไม่ทันสังเกต เมื่อสูดดมเข้าไปเริ่มมีอาการเวียนหัว หายใจไม่ออก เพื่อนร่วมงานรีบพาออกสู่ที่โล่งและโทรแจ้งกู้ชีพทันที พร้อมทั้งคลายเสื้อผ้าให้หลวม ทำให้ได้รับออกซิเจนและถูกส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา

    บทเรียน: การรีบแยกผู้ป่วยออกจากแหล่งพิษและให้อากาศถ่ายเท เป็นการปฐมพยาบาลที่ช่วยชีวิตได้จริง


    กรณีที่ 3: เกษตรกรโดนงูกัด

    เกษตรกรในชนบทถูกงูเห่ากัดที่เท้า ขณะทำงานในสวน เพื่อนบ้านพยายามกรีดแผลและใช้ปากดูดพิษตามความเชื่อเก่า ๆ ผลลัพธ์คือพิษยังคงกระจายเข้าสู่ร่างกายเกษตรกร ขณะที่ผู้ช่วยเหลือเองก็เสี่ยงติดเชื้อในปาก เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ผู้ป่วยอาการรุนแรง ต้องใช้เซรุ่มแก้พิษงูและเครื่องช่วยหายใจ

    บทเรียน: การกรีดแผลหรือดูดพิษด้วยปากไม่ช่วยอะไร แถมอันตรายทั้งต่อผู้ป่วยและผู้ช่วยเหลือ


    ข้อคิดเชิงปฏิบัติ: อย่าทำผิดพลาด!

    1. เวลา = ชีวิต
      ยิ่งรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลเร็วเท่าไหร่ โอกาสรอดชีวิตยิ่งสูงขึ้น
    2. ความรู้ที่ถูกต้องคือเกราะป้องกัน
      การปฐมพยาบาลผิดวิธีอาจสร้างอันตรายมากกว่าพิษเสียอีก
    3. การเตรียมตัวคือสิ่งสำคัญ
      ครอบครัวและชุมชนควรมีความรู้ มีอุปกรณ์พื้นฐาน และช่องทางติดต่อหน่วยงานฉุกเฉิน
    4. ป้องกันดีกว่ารักษา
      การเก็บสารพิษให้พ้นมือเด็ก การใช้เครื่องป้องกันส่วนบุคคลในการทำงาน และการระวังสัตว์มีพิษ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยง

    แนวทางการปฐมพยาบาลพิษ: สรุปเป็นขั้นตอนสั้น ๆ

    เพื่อให้ผู้อ่านจำได้ง่าย ในกรณีฉุกเฉิน สามารถยึดหลัก 4 ขั้นตอนนี้ได้

    1. หยุดแหล่งพิษ
      • รีบพาผู้ป่วยออกจากบริเวณที่มีพิษ เช่น ควัน แก๊ส หรือสารเคมี
      • ระมัดระวังไม่ให้ผู้ช่วยเหลือสัมผัสพิษจนเป็นอันตราย
    2. รักษาความปลอดภัยของผู้ป่วย
      • ให้ผู้ป่วยนอนนิ่ง ลดการเคลื่อนไหว
      • ถ้ามีอาการหมดสติ ตรวจการหายใจและชีพจร
    3. การปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามชนิดพิษ
      • พิษจากการกินเข้าไป: ห้ามทำให้อาเจียนเอง ยกเว้นแพทย์สั่ง
      • พิษจากการสูดดม: รีบนำออกสู่ที่อากาศบริสุทธิ์ คลายเสื้อผ้า
      • พิษจากการสัมผัสผิวหนัง/ตา: ล้างด้วยน้ำสะอาดไหลผ่านนาน ๆ
      • พิษจากสัตว์กัดต่อย: พันกดเหนือแผล (ไม่แน่นเกินไป) และห้ามดูดพิษ
    4. ติดต่อหน่วยงานฉุกเฉินโดยเร็วที่สุด
      • โทรหาโรงพยาบาลหรือหน่วยกู้ชีพ
      • แจ้งอายุ อาการ ชนิดพิษ (ถ้าทราบ) และเวลาที่ได้รับพิษ

    แนวทางการป้องกันพิษในชีวิตประจำวัน

    1. ในครัวเรือน
      • เก็บสารเคมีและยาทุกชนิดไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท มีฉลากชัดเจน และให้พ้นมือเด็ก
      • ไม่ควรเก็บสารเคมีในขวดน้ำดื่มหรือภาชนะอาหาร เพราะอาจถูกเข้าใจผิด
    2. ในสถานที่ทำงาน
      • ใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น ถุงมือ หน้ากาก แว่นตา
      • ผ่านการอบรมวิธีจัดการสารเคมีและวิธีอพยพเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
    3. ในพื้นที่ธรรมชาติ
      • ระมัดระวังสัตว์มีพิษ เช่น งู แมงมุม ตะขาบ
      • สวมรองเท้าปิดส้นและกางเกงขายาวเมื่อต้องเดินในป่า
    4. การใช้ยาและสมุนไพร
      • ไม่ใช้ยามากเกินขนาดหรือผิดวิธี
      • ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้สมุนไพร โดยเฉพาะในเด็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ

    บทส่งท้าย

    การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดพิษไม่เพียงแต่ช่วยยืดเวลาให้ผู้ป่วย แต่ยังเป็นตัวแปรสำคัญต่อการรอดชีวิต ความผิดพลาดที่เล็กน้อย เช่น การทำให้อาเจียน การดูดพิษ หรือการชะลอการไปโรงพยาบาล อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การเรียนรู้แนวทางที่ถูกต้อง การเตรียมพร้อมในครอบครัว และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ล้วนเป็นการลงทุนที่มีค่าที่สุดในการปกป้องชีวิต

    Jeffrey Phillips

    Related Posts

    อาหารและเครื่องดื่มเพื่อบรรเทาอาการคัด จมูก

    September 17, 2025

    การลดอาการบวมและ คัน หลังจากโดนผึ้งต่อย

    September 12, 2025

    วิธีฝึกตัวเองให้ตื่นเช้าและบอกลาการ นอน ตื่นสาย

    September 8, 2025

    Comments are closed.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.