Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    phuketonetrip
    • Home
    • ความบันเทิง
    • ข่าวสารล่าสุด
    phuketonetrip
    สุขภาพ

    เท้าบวม ตอนกลางคืน? ระวังรองเท้าที่ไม่พอดี

    Jeffrey PhillipsBy Jeffrey PhillipsAugust 10, 2025No Comments2 Mins Read

    การมี เท้าบวม ในตอนกลางคืนอาจเป็นปัญหาที่หลายคนมองข้าม โดยเฉพาะผู้ที่ต้องยืน เดิน หรือใส่รองเท้าทั้งวัน อาการบวมอาจดูเป็นเรื่องปกติ แต่หากเกิดขึ้นบ่อยหรือรุนแรง อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ต้องให้ความสำคัญ หนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อย คือ การใส่รองเท้าที่ไม่พอดี ซึ่งสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพเท้าและระบบการไหลเวียนเลือดได้มากกว่าที่คิด


    สาเหตุของเท้าบวมตอนกลางคืน

    เท้าบวมอาจเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งปัญหาทางการแพทย์และปัจจัยจากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น

    1. การคั่งของของเหลว (Fluid Retention)
      เมื่อร่างกายเก็บของเหลวไว้มากเกินไป อาจเกิดจากการยืนนาน เดินนาน หรือมีโรคประจำตัวบางอย่าง ทำให้ของเหลวไหลมาสะสมที่เท้าและข้อเท้า
    2. การไหลเวียนเลือดไม่ดี
      การนั่งหรือยืนนานเกินไปทำให้เลือดไหลเวียนกลับขึ้นไปสู่หัวใจได้ยาก เลือดและของเหลวจึงคั่งอยู่บริเวณขาและเท้า
    3. ผลจากรองเท้าที่ไม่พอดี
      รองเท้าคับเกินไปหรือบีบปลายเท้า จะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวก และเกิดแรงกดที่เนื้อเยื่อและเส้นเลือด จนเกิดอาการบวม
    4. โรคและภาวะทางสุขภาพ
      เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคตับ หรือภาวะเส้นเลือดดำอุดตัน ซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาจากแพทย์

    รองเท้าที่ไม่พอดี: ตัวการสำคัญของปัญหาเท้าบวม

    การใส่รองเท้าที่ไม่พอดีสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการบวมของเท้าได้หลายวิธี

    • รัดแน่นเกินไป: ทำให้การไหลเวียนเลือดช้าลง
    • ไม่มีพื้นที่ให้เท้าขยายตัวตามธรรมชาติ: โดยปกติเท้าจะขยายเล็กน้อยเมื่อยืนหรือเดินนาน แต่หากรองเท้าคับ เท้าจะถูกบีบตลอดเวลา
    • รองเท้าส้นสูง: ทำให้น้ำหนักลงไปที่ปลายเท้าและเพิ่มแรงกด จนเลือดไหลเวียนไม่ดี
    • วัสดุไม่ระบายอากาศ: รองเท้าที่อับชื้นและไม่ระบายอากาศ อาจทำให้เท้าเกิดการอักเสบและบวมง่าย

    อันตรายจากการใส่รองเท้าผิดขนาด

    นอกจากอาการบวมแล้ว การใส่รองเท้าที่ไม่พอดียังอาจทำให้เกิดปัญหาอื่น เช่น

    • ปวดเท้าเรื้อรัง
    • ตาปลาและหนังหนา (Corns & Calluses)
    • นิ้วเท้าผิดรูป เช่น นิ้วเท้าคลอว์ (Claw Toe) หรือฮัลลักซ์วาลกัส (Hallux Valgus)
    • เสี่ยงต่อการเกิดพองหรือแผล
    • ปัญหาการทรงตัวและการเดิน

    วิธีป้องกันและดูแลเท้าเพื่อลดอาการบวม

    1. เลือกขนาดรองเท้าให้เหมาะสม
      • ควรวัดขนาดเท้าในช่วงบ่ายหรือตอนเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่เท้าขยายตัวมากที่สุด
      • เลือกรองเท้าที่เหลือพื้นที่หน้ารองเท้าประมาณ 1 ซม.
    2. เลือกรองเท้าที่รองรับน้ำหนักและระบายอากาศได้ดี
      • พื้นรองเท้าควรมีความนุ่มและยืดหยุ่น
      • วัสดุรองเท้าควรโปร่งและระบายความร้อนได้
    3. หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูงนานๆ
      หากต้องใส่ ควรเปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยเมื่อมีโอกาส
    4. ยกเท้าสูงเมื่อพักผ่อน
      เพื่อช่วยให้น้ำและเลือดไหลเวียนกลับเข้าสู่ร่างกายได้ดี
    5. นวดเท้าเบาๆ
      ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดการคั่งของของเหลว
    6. ออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการไหลเวียน
      เช่น เดินเบาๆ หมุนข้อเท้า หรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อเท้า

    ควรไปพบแพทย์เมื่อใด

    หากอาการบวมไม่หายหลังจากพักผ่อน หรือมีอาการร่วมอื่นๆ เช่น ปวดรุนแรง ผิวแดงร้อน มีแผล หรือบวมเพียงข้างเดียว ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

    ผลกระทบของการใส่รองเท้าที่ไม่พอดีต่อการบวมของเท้า

    การใส่รองเท้าที่คับหรือหลวมเกินไปสามารถกระตุ้นให้เกิดการบวมของเท้า โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนเมื่อร่างกายได้ผ่านการทำกิจกรรมมาทั้งวัน รองเท้าที่บีบเกินไปจะขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ทำให้เกิดการคั่งของของเหลวในเท้า ในขณะที่รองเท้าที่หลวมเกินไปอาจทำให้เท้าต้องใช้แรงยึดเกาะมากขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อและเอ็นเกิดการอักเสบและบวมได้เช่นกัน

    นอกจากนี้ การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตาปลา แผลพุพอง หรือความผิดรูปของนิ้วเท้า ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการบวมและความเจ็บปวดในระยะยาว


    วิธีป้องกันเท้าบวมจากการใส่รองเท้าที่ไม่พอดี

    1. วัดขนาดเท้าเป็นประจำ
      ขนาดเท้าของเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามอายุ น้ำหนัก และการตั้งครรภ์ การวัดเท้าอย่างน้อยปีละครั้งช่วยให้เลือกไซส์รองเท้าได้แม่นยำ
    2. ลองรองเท้าในช่วงบ่ายหรือเย็น
      ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เท้ามีขนาดใหญ่ที่สุดในวัน การลองรองเท้าในเวลานี้จะช่วยให้มั่นใจว่ารองเท้าไม่คับจนเกินไปเมื่อเท้าบวม
    3. เลือกวัสดุรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี
      รองเท้าที่ทำจากผ้าตาข่ายหรือหนังแท้ที่ยืดหยุ่น ช่วยลดการอับชื้นและลดแรงกดบนเท้า
    4. ใส่ถุงเท้าที่เหมาะสม
      ถุงเท้าฝ้ายหรือถุงเท้ากีฬาที่ซับเหงื่อได้ดีและไม่มีตะเข็บหนาเกินไป ช่วยป้องกันการเสียดสีและแรงกดจุด
    5. ปรับสายรัดหรือเชือกรองเท้าให้เหมาะสม
      รองเท้าบางรุ่นมีระบบปรับความกระชับ ควรใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของขนาดเท้าระหว่างวัน

    การดูแลเท้าหลังจากมีอาการบวม

    • แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมเกลือเอปซอม เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและลดการคั่งของของเหลว
    • ยกเท้าให้สูง โดยใช้หมอนหนุนในขณะนอนหรือพักผ่อน เพื่อช่วยให้ของเหลวไหลกลับเข้าสู่ระบบไหลเวียน
    • นวดเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนและคลายความตึงของกล้ามเนื้อ
    • หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าคับ จนกว่าอาการบวมจะลดลง

    สัญญาณที่ควรไปพบแพทย์ทันที

    แม้ว่าอาการเท้าบวมจากรองเท้าที่ไม่พอดีมักจะหายได้เมื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

    • บวมรุนแรงและไม่หายหลังจากพัก
    • ปวดหรือแดงร่วมกับความร้อนที่ผิว
    • มีแผลเปิดหรือมีน้ำเหลืองไหล
    • อาการบวมเกิดขึ้นเฉพาะข้างเดียว
    • ร่วมกับอาการหายใจลำบากหรือเจ็บหน้าอก (อาจเป็นภาวะลิ่มเลือดอุดตัน)

    การดูแลและป้องกันอาการเท้าบวมจากรองเท้าที่ไม่พอดี

    1. เลือกรองเท้าที่เหมาะสมตั้งแต่แรก

    การป้องกันอาการเท้าบวมเริ่มได้ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกซื้อรองเท้า

    • เลือกขนาดพอดี: ควรเลือกไซส์ที่มีพื้นที่ว่างบริเวณปลายเท้าประมาณ 0.5–1 เซนติเมตร เพื่อให้เท้าสามารถขยับได้โดยไม่ถูกกดทับ
    • ลองรองเท้าช่วงบ่าย: เพราะในตอนบ่ายหรือเย็น เท้ามักขยายตัวเล็กน้อย ทำให้ได้ขนาดที่ใกล้เคียงสภาพจริงเมื่อใช้งานทั้งวัน
    • เลือกรองเท้าวัสดุระบายอากาศได้ดี: วัสดุที่อากาศถ่ายเทได้ช่วยลดความร้อนและการอับชื้นซึ่งเป็นปัจจัยให้เท้าบวม

    2. ปรับการใช้งานรองเท้าให้เหมาะกับกิจกรรม

    แม้รองเท้าจะพอดี แต่การใช้งานผิดประเภทก็อาจทำให้เท้าบวมได้

    • รองเท้าสำหรับเดิน ควรมีพื้นซับแรงกระแทกและรองรับอุ้งเท้า
    • รองเท้าส้นสูง ไม่ควรใส่นานเกิน 3–4 ชั่วโมงต่อวัน เพราะเพิ่มแรงกดบริเวณปลายเท้าและข้อเท้า
    • รองเท้ากีฬา ควรเลือกตามประเภทกีฬาเพื่อรองรับแรงและทิศทางการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน

    3. การดูแลเท้าหลังกลับจากการใส่รองเท้า

    • ยกเท้าสูง: หลังจากกลับบ้าน ควรนอนยกเท้าให้สูงกว่าระดับหัวใจประมาณ 15–20 นาที เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนกลับได้ดี ลดการคั่งของของเหลว
    • แช่น้ำอุ่นผสมเกลือ: ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดอาการบวมได้
    • นวดเบา ๆ: การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ทำให้บวมยุบเร็วขึ้น

    4. รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

    น้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้แรงกดลงสู่เท้าเพิ่มขึ้น เมื่อใส่รองเท้าที่ไม่พอดีจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการบวมได้ง่าย

    5. ใส่ใจสัญญาณเตือนของร่างกาย

    หากอาการเท้าบวมเกิดซ้ำบ่อย ๆ แม้เปลี่ยนรองเท้าแล้ว หรือมีอาการร่วม เช่น ปวดรุนแรง ผิวเปลี่ยนสี แดงร้อน หรือมีแผล ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหลอดเลือดดำลึก (DVT) ภาวะหัวใจ ไต หรือปัญหาการไหลเวียนเลือด

    6. เลือกถุงเท้าอย่างเหมาะสม

    ถุงเท้าที่รัดแน่นเกินไปอาจเพิ่มแรงกดและขัดขวางการไหลเวียนเลือด ทำให้เท้าบวมมากขึ้น ควรเลือกถุงเท้าที่มีความยืดหยุ่นและระบายอากาศได้ดี

    เท้าบวมตอนกลางคืน? ระวังรองเท้าที่ไม่พอดี

    การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันเท้าบวมจากรองเท้าไม่พอดี

    เมื่อรู้แล้วว่ารองเท้าที่ไม่พอดีอาจเป็นสาเหตุของอาการเท้าบวมตอนกลางคืน การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันสามารถช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการได้อย่างมาก โดยมีวิธีดังนี้

    1. เลือกขนาดรองเท้าให้เหมาะสม

    • ควรลองรองเท้าในช่วงบ่ายหรือเย็น เพราะเป็นเวลาที่เท้าขยายมากที่สุด ทำให้ได้ขนาดที่ใส่แล้วสบายตลอดวัน
    • เผื่อพื้นที่ด้านหน้ารองเท้าอย่างน้อย 0.5–1 เซนติเมตร เพื่อให้ปลายนิ้วเท้าไม่กดติดกับหัวรองเท้า
    • ตรวจสอบความกว้างของรองเท้า ไม่ให้บีบด้านข้างของเท้าจนเกินไป

    2. เลือกวัสดุรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี

    • หนังแท้หรือผ้าตาข่าย (mesh) จะช่วยลดความอับชื้นและป้องกันการอักเสบจากการเสียดสี
    • หลีกเลี่ยงวัสดุแข็งหรือพลาสติกที่กดทับและทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี

    3. เปลี่ยนรองเท้าระหว่างวัน

    • ถ้าจำเป็นต้องใส่รองเท้าหุ้มส้นหรือรองเท้าส้นสูงนาน ๆ ควรพกรองเท้าแตะหรือรองเท้าผ้าใบเพื่อสลับใส่ในช่วงพัก
    • ช่วยให้เท้ามีโอกาสได้ผ่อนคลายและเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

    4. ยกเท้าสูงและนวดเท้า

    • หลังกลับบ้าน ควรยกเท้าสูงกว่าระดับหัวใจประมาณ 15–20 นาที เพื่อช่วยให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนกลับเข้าสู่ร่างกายส่วนบน
    • การนวดเท้าเบา ๆ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ

    5. ออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการไหลเวียน

    • การเดิน ขยับนิ้วเท้า หรือหมุนข้อเท้าเบา ๆ ระหว่างวัน ช่วยลดการคั่งของของเหลวที่เท้า
    • หลีกเลี่ยงการยืนนิ่งหรือการนั่งไขว่ห้างนาน ๆ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนลำบาก

    6. เลือกถุงเท้าที่ไม่รัดแน่นเกินไป

    • ถุงเท้าควรมีความยืดหยุ่นและไม่รัดบริเวณข้อเท้าหรือหน้าแข้ง เพื่อป้องกันการกดทับหลอดเลือด
    • ใช้วัสดุที่ซับเหงื่อและระบายอากาศได้ดี

    7. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ

    • หากเท้าบวมบ่อยหรือบวมมากผิดปกติ แม้จะเปลี่ยนรองเท้าแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น โรคหัวใจ โรคไต หรือเส้นเลือดดำอุดตัน

    สรุป

    เท้าบวมตอนกลางคืนอาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่หากเกิดซ้ำบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ารองเท้าที่ใส่อยู่ไม่เหมาะสมหรือร่างกายกำลังมีปัญหา การเลือกขนาดและวัสดุรองเท้าที่เหมาะสม รวมถึงการปรับพฤติกรรมการดูแลเท้า สามารถช่วยลดอาการและป้องกันปัญหาในระยะยาวได้

    Jeffrey Phillips

    Related Posts

    ผลกระทบของ น้ำตาล และลูกกวาดต่อฟันของเด็ก

    August 14, 2025

    ปริมาณแร่ธาตุใน น้ำทะเล ที่เป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูผิว

    August 13, 2025

    ดื่มน้ำช่วยลด ผิวหย่อนคล้อย ได้จริงหรือไม่?

    August 11, 2025

    Comments are closed.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.