Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    phuketonetrip
    • Home
    • ความบันเทิง
    • ข่าวสารล่าสุด
    • สุขภาพ
    phuketonetrip
    ความบันเทิง

    ทุ่งลาเวนเดอร์นอร์ฟอล์ก: ทะเลสีม่วงหอมหวานใน ฤดูร้อน

    Jeffrey PhillipsBy Jeffrey PhillipsAugust 31, 2025No Comments2 Mins Read

    เมื่อเอ่ยถึงภาพของ ฤดูร้อน ในอังกฤษ หลายคนอาจนึกถึงทุ่งหญ้าสีเขียวสด ปราสาทเก่าแก่ หรือชายฝั่งทะเลที่ทอดยาว แต่มีอีกหนึ่งภาพที่ตราตรึงใจนักเดินทางและกลายเป็นสัญลักษณ์ของฤดูร้อนในบางภูมิภาค นั่นคือ ทุ่งลาเวนเดอร์ ที่บานสะพรั่งเป็นสีม่วงอันงดงาม ทุ่งลาเวนเดอร์ในนอร์ฟอล์ก (Norfolk Lavender Fields) ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดของอังกฤษ ที่นี่ไม่เพียงมอบทิวทัศน์อันงดงามเหมือนภาพวาด แต่ยังเป็นแหล่งผลิตน้ำมันหอมระเหย ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ และแรงบันดาลใจทางศิลปะที่ไม่มีที่สิ้นสุด


    เสน่ห์ของนอร์ฟอล์กและดินแดนลาเวนเดอร์

    นอร์ฟอล์ก ตั้งอยู่ทางตะวันออกของอังกฤษ เป็นเขตที่ขึ้นชื่อในเรื่องชายฝั่งทะเลที่เงียบสงบ หมู่บ้านชนบทที่มีเสน่ห์ และทิวทัศน์เกษตรกรรมที่กว้างใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของดินและสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกลาเวนเดอร์ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ทุ่งนาในพื้นที่บางส่วนจะเปลี่ยนจากสีเขียวสดกลายเป็นทะเลสีม่วงที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและต่างประเทศ

    หนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Norfolk Lavender Farm ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมือง Heacham ฟาร์มแห่งนี้มีประวัติศาสตร์การเพาะปลูกลาเวนเดอร์ยาวนานตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 และกลายเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดหากต้องการสัมผัสบรรยากาศโรแมนติกของฤดูร้อน


    ประสบการณ์ในทุ่งลาเวนเดอร์

    เมื่อเดินเข้าสู่ทุ่งลาเวนเดอร์ ผู้มาเยือนจะถูกโอบล้อมด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ลอยอบอวลในอากาศ สีม่วงสดใสทอดยาวสุดสายตา ประกอบกับเสียงผึ้งที่บินหาน้ำหวานจากดอกไม้เล็ก ๆ เป็นบรรยากาศที่ทั้งสงบและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

    นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นไปตามทางเล็ก ๆ ที่ตัดผ่านทุ่งนาเพื่อเก็บภาพความทรงจำ หรือหยุดนั่งพักบนม้านั่งเพื่อซึมซับบรรยากาศโดยรอบ ในบางฟาร์มยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพเชิงสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพครอบครัว ภาพแต่งงาน หรือภาพศิลป์ที่ใช้ทุ่งลาเวนเดอร์เป็นฉากหลัง


    พืชสมุนไพรและความหลากหลาย

    ฟาร์มลาเวนเดอร์ในนอร์ฟอล์กไม่ได้มีเพียงลาเวนเดอร์พันธุ์เดียว แต่ยังรวมถึงพันธุ์ที่หลากหลาย เช่น Lavandula angustifolia ที่มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพน้ำมันหอมระเหย และ Lavandula x intermedia ที่มีความสูงและดอกขนาดใหญ่ สีม่วงหลายเฉดตั้งแต่ม่วงอ่อนจนถึงม่วงเข้มสร้างความสวยงามที่แตกต่างกันไป

    นอกจากลาเวนเดอร์แล้ว ฟาร์มหลายแห่งยังปลูกพืชสมุนไพรชนิดอื่น เช่น โรสแมรี ไทม์ และคาโมไมล์ ทำให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้พืชเหล่านี้ในชีวิตประจำวันและการแพทย์ทางเลือก


    ผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์

    ความพิเศษอีกประการหนึ่งของการมาเยือนทุ่งลาเวนเดอร์นอร์ฟอล์กคือการได้สัมผัสผลิตภัณฑ์ที่ทำจากลาเวนเดอร์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันหอมระเหย ครีม โลชั่น สบู่ เทียนหอม ไปจนถึง น้ำผึ้งลาเวนเดอร์ ที่มีกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นของฝากที่น่าประทับใจ แต่ยังสะท้อนถึงการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติอย่างยั่งยืน

    ร้านค้าภายในฟาร์มมักมีการสาธิตกระบวนการกลั่นน้ำมันหอมระเหย นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ขั้นตอนการสกัดกลิ่นและคุณสมบัติทางสมุนไพรของลาเวนเดอร์ ซึ่งใช้ทั้งในการผ่อนคลาย บำรุงผิว และบรรเทาอาการปวดเมื่อย


    ศิลปะและแรงบันดาลใจจากทุ่งลาเวนเดอร์

    ทุ่งลาเวนเดอร์ในนอร์ฟอล์กเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักวาดภาพถ่ายและศิลปินมานานหลายทศวรรษ สีม่วงที่สดใสเมื่อกระทบกับท้องฟ้าสีฟ้าในฤดูร้อนและแสงทองยามอาทิตย์ตก สร้างภาพที่ตราตรึงใจและยากจะลืมเลือน บรรยากาศโรแมนติกนี้ยังทำให้ทุ่งลาเวนเดอร์กลายเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับคู่รักที่มองหาสถานที่ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งหรือจัดงานเล็ก ๆ ท่ามกลางธรรมชาติ


    เวลาและวิธีการเยี่ยมชม

    ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมทุ่งลาเวนเดอร์คือตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกไม้บานเต็มที่ สำหรับการเดินทางมายังนอร์ฟอล์ก สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวจากลอนดอนได้โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือเลือกเดินทางด้วยรถไฟไปยังเมือง King’s Lynn และต่อรถประจำทางหรือแท็กซี่ไปยังฟาร์มลาเวนเดอร์

    ผู้มาเยือนควรเตรียมหมวกกันแดด น้ำดื่ม และกล้องถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพความทรงจำ และหากต้องการสัมผัสประสบการณ์เต็มที่ ควรใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวันในการเดินชมทุ่งและเยี่ยมชมร้านค้าผลิตภัณฑ์


    บรรยากาศท้องถิ่นและกิจกรรมเพิ่มเติม

    การเดินทางไปทุ่งลาเวนเดอร์นอร์ฟอล์กยังสามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวท้องถิ่นอื่น ๆ ได้ เช่น

    • การแวะชมหมู่บ้าน Heacham ที่เงียบสงบและมีชายหาดสวยงาม
    • การสำรวจชายฝั่งนอร์ฟอล์กที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติและสัตว์ป่าหลากหลาย
    • การเยี่ยมชมปราสาทโบราณและสวนสาธารณะในพื้นที่ใกล้เคียง

    กิจกรรมเหล่านี้ช่วยเติมเต็มการเดินทางให้หลากหลาย ทั้งการผ่อนคลายท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์และการสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่น

    ประสบการณ์ที่จะได้รับจากทุ่งลาเวนเดอร์นอร์ฟอล์ก

    การเดินทางไปเยือนทุ่งลาเวนเดอร์ที่นอร์ฟอล์กไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสกับความงดงามของดอกไม้สีม่วง แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่กระตุ้นประสาทสัมผัสทุกด้าน กลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เสียงผึ้งที่บินหาน้ำหวานในทุ่งสร้างบรรยากาศธรรมชาติ และทิวทัศน์อันไร้ที่สิ้นสุดของดอกไม้ที่ไหวเอนตามลมฤดูร้อนนั้น เป็นภาพที่ตราตรึงใจไม่แพ้การเดินทางใดๆ


    ผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์

    นอร์ฟอล์กไม่ได้มีเพียงทุ่งลาเวนเดอร์ให้ชมเท่านั้น แต่ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากลาเวนเดอร์มากมาย เช่น

    • น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ที่ใช้เพื่อการบำบัด
    • สบู่และเครื่องหอมที่มีกลิ่นสดชื่น
    • ชาและขนมหวานที่ผสมกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆ
    • ตุ๊กตาหรือถุงหอมที่ช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น

    การเลือกซื้อของฝากจากทุ่งลาเวนเดอร์จึงกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ผู้มาเยือนมักไม่พลาด


    กิจกรรมและงานเทศกาล

    ทุกฤดูร้อน นอร์ฟอล์กมักจัดงานเทศกาลลาเวนเดอร์เพื่อเฉลิมฉลองการบานสะพรั่งของทุ่ง ผู้มาเยือนสามารถร่วมกิจกรรมเก็บดอกไม้ ถ่ายภาพในทุ่งสีม่วง และชมการสาธิตการกลั่นน้ำมันลาเวนเดอร์แบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีดนตรีสด อาหารท้องถิ่น และผลิตภัณฑ์หัตถกรรมที่ทำจากลาเวนเดอร์มาให้เลือกซื้ออย่างมากมาย


    การถ่ายภาพทุ่งลาเวนเดอร์

    ทุ่งลาเวนเดอร์นอร์ฟอล์กถือเป็นสวรรค์ของนักถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพ แสงแดดยามเช้าทำให้สีม่วงสดใสยิ่งขึ้น ขณะที่ช่วงเย็นยามพระอาทิตย์ตกดินก็สร้างบรรยากาศอบอุ่นโรแมนติก เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทั้งในมุมกว้างและมุมใกล้ รายละเอียดของกลีบดอกไม้แต่ละดอกที่อาบแสงทองนั้นคือความงดงามที่ไม่ควรพลาด


    เหตุผลที่ควรไปเยือนทุ่งลาเวนเดอร์นอร์ฟอล์ก

    1. ความงามที่หาดูได้เพียงปีละครั้งในช่วงฤดูร้อน
    2. บรรยากาศที่ช่วยผ่อนคลายทั้งกายและใจ
    3. โอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกและการใช้ประโยชน์จากลาเวนเดอร์
    4. สถานที่ถ่ายภาพที่สวยงามไม่แพ้ทุ่งลาเวนเดอร์ในฝรั่งเศส
    5. ความเป็นเอกลักษณ์ของนอร์ฟอล์กที่เชื่อมโยงธรรมชาติ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน

    การเดินทางสู่ทุ่งลาเวนเดอร์นอร์ฟอล์ก

    การเดินทางไปเยือนทุ่งลาเวนเดอร์ในนอร์ฟอล์กนั้นไม่ยากเกินไป เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของอังกฤษและสามารถเข้าถึงได้ทั้งโดยรถยนต์และระบบขนส่งสาธารณะ

    • จากลอนดอน: ใช้เวลาขับรถประมาณ 2–3 ชั่วโมง โดยสามารถใช้เส้นทางสาย A11 หรือ A47 ที่เชื่อมตรงสู่เมืองนอร์ฟอล์ก
    • โดยรถไฟ: มีบริการรถไฟตรงจากสถานี London King’s Cross ไปยังเมือง King’s Lynn หรือ Norwich และจากนั้นสามารถนั่งรถบัสหรือแท็กซี่ต่อไปยังทุ่งลาเวนเดอร์ได้
    • การเดินทางในพื้นที่: หากต้องการความสะดวกและยืดหยุ่น รถยนต์เช่าคือทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะสามารถหยุดชมหมู่บ้านเล็กๆ คาเฟ่ หรือชายฝั่งทะเลนอร์ฟอล์กที่อยู่ไม่ไกล

    ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเยือน

    ทุ่งลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งในช่วงฤดูร้อน โดยปกติคือ เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม และช่วงที่สวยที่สุดมักอยู่ราว กลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นเวลาที่สีม่วงเข้มที่สุดและกลิ่นหอมสดชื่นที่สุด นักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมเดินทางในช่วงนี้ ดังนั้นการจองตั๋วเข้าชมล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ

    หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงความแออัด การมาในช่วงเช้าตรู่หรือบ่ายแก่ๆ จะทำให้ได้บรรยากาศที่สงบกว่า และยังมีโอกาสเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดินที่งดงามเหนือทุ่งดอกไม้


    แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง

    การเดินทางไปชมทุ่งลาเวนเดอร์ยังสามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นๆ ของนอร์ฟอล์ก เช่น

    • Norfolk Coast: ชายฝั่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความเงียบสงบ หมู่บ้านชาวประมง และหาดทรายที่สวยงาม
    • Sandringham Estate: พระราชวังฤดูหนาวของราชวงศ์อังกฤษ ที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมบางส่วน
    • Norwich: เมืองเก่าแก่ที่มีมหาวิหารใหญ่ ตลาดท้องถิ่น และย่านประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
    • หมู่บ้านเล็กๆ: หลายแห่งในนอร์ฟอล์กยังคงเสน่ห์ดั้งเดิม มีบ้านหินหลังเล็ก คาเฟ่ท้องถิ่น และร้านขายของแฮนด์เมด

    เคล็ดลับการเยี่ยมชมทุ่งลาเวนเดอร์

    1. แต่งกายสบายๆ: เลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เพราะช่วงฤดูร้อนอากาศอาจร้อนกว่าปกติ
    2. รองเท้าที่เหมาะสม: รองเท้าสำหรับเดินในทุ่งจะช่วยให้คุณเคลื่อนไหวได้สะดวก
    3. กล้องถ่ายรูป: เตรียมแบตเตอรี่และเมมโมรีให้พร้อม เพราะมีมุมถ่ายภาพสวยมากมาย
    4. กันแดดและหมวก: เพื่อป้องกันแดดแรงระหว่างวัน
    5. วางแผนเวลา: ควรเผื่อเวลาอย่างน้อยครึ่งวันถึงหนึ่งวันเต็ม เพื่อเพลิดเพลินกับทุ่งลาเวนเดอร์และกิจกรรมต่างๆ

    บทสรุปส่งท้าย

    ทุ่งลาเวนเดอร์นอร์ฟอล์กไม่ใช่เพียงสถานที่ถ่ายภาพที่สวยงาม แต่เป็นประสบการณ์ที่เติมเต็มทุกประสาทสัมผัส ตั้งแต่กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ สีม่วงที่ไหลเป็นคลื่นตามสายลม และบรรยากาศผ่อนคลายที่หาไม่ได้จากที่อื่น การมาเยือนที่นี่ในช่วงฤดูร้อนจึงเป็นการผสมผสานระหว่างความงามทางธรรมชาติ วิถีชีวิตท้องถิ่น และวัฒนธรรมอังกฤษที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง

    สำหรับผู้ที่กำลังมองหาการเดินทางที่ไม่เพียงแต่สร้างความทรงจำ หากยังมอบแรงบันดาลใจและความสงบใจ ทุ่งลาเวนเดอร์นอร์ฟอล์กคือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดในการวางแผนท่องเที่ยวอังกฤษฤดูร้อนสักครั้งในชีวิต

    5 วิธีง่ายๆ ในชีวิตประจำวันเพื่อเสริมสร้างระบบ ภูมิคุ้มกัน จากญี่ปุ่นสู่ ตุรกี การสำรวจวัฒนธรรมและอาหารโลก ทุ่งลาเวนเดอร์นอร์ฟอล์ก: ทะเลสีม่วงหอมหวานใน ฤดูร้อน ผลกระทบของมลพิษทางน้ำต่อการแพร่กระจายของ โรค สำรวจหมู่ เกาะ จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในอินโดนีเซีย
    Jeffrey Phillips

    Related Posts

    มาเดรา: เกาะแห่งฤดูใบไม้ผลิที่ยืนยงตลอดกาลของ โปรตุเกส

    September 1, 2025

    The Broads: สำรวจอุทยานแห่งชาติด้วยเรือ แม่น้ำ

    August 30, 2025

    วางแผนตั้งครรภ์ นี่คือวิธีเตรียมสเปิร์มให้แข็งแรง

    August 28, 2025

    Comments are closed.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.